1aw-home_logo1aw-home_logo1aw-home_logo1aw-home_logo
  • Home
  • Visit us
    • Admission
    • Tips for Visiting
    • Facility
    • Group & Museum Tours
  • COLLECTIONS & EXHIBITIONs
    • PERMANENT EXHIBITION
    • Temporary exhibition
    • artists A-Z
    • Art
  • FOUR SEASONS ART SPACE
    • VISIT & MAP
    • Temporary exhibition
  • Blog
  • About us
    • Massage from the founder
    • our vision and mission
  • Contact Us
    • Contact Us
    • Venue Hire
    • FAQ
    • Opportunities
  • Store
  • EN
    • EN
    • TH
  • Tickets
✕
  • Home
  • Tribhum Asia

Tribhum Asia

  • Technique : Oil on linen
  • Size : 200 x 250 cm
  • Year : 2020
เอเชียไตรภูมิ  โดย ธณฤษภ์ ทิพย์วารี
            การสำรวจตนเองผ่านหลักความเชื่อของศาสนาพุทธเป็นหนึ่งในหนทางที่ธณฤษภ์ ทิพย์วารี ปรับประยุกต์มาใช้ในการสร้างสรรค์ผลงานจิตรกรรม เอเชียไตรภูมิ   ศิลปินเห็นว่า การใช้ชีวิตในแต่ละวันย่อมต้องมีแนวทาง มีสิ่งชี้นำอันเป็นจุดยึดเหนี่ยวในจิตใจ  สิ่งแรกที่ศิลปินให้ความสำคัญ คือ การทำความเข้าใจกฎธรรมชาติ หรือนิยาม 5   พุทธศาสนาไม่เชื่อว่าพระเจ้าเป็นผู้สร้างโลก และไม่ได้สร้างสรรพสิ่งทั้งหลายที่มีชีวิตและไม่มีชีวิต  หากแต่เป็นสังขตธรรม อันเกิดขึ้นจากการปรุงแต่งจากเหตุปัจจัยจึงล้วนแต่อยู่ใต้กฎไตรลักษณ์ ปฏิจจสมุปบาท และกฎธรรมชาติทั้งสิ้น  เมื่อเข้าใจความปกติของธรรมชาติแล้ว  ก็จะเข้าใจไตรลักษณ์ที่กล่าวถึงกฎของความเปลี่ยนแปลงล้วนแต่เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป
           เมื่อเข้าใจถึงการเปลี่ยนแปลงในเชิงกายภาพแล้ว ต่อไปสิ่งที่ธณฤษภ์เรียนรู้ คือ ความเชื่อเรื่องสวรรค์ นรก ชาติก่อน และชาติหน้า  ต้นทางของความเชื่อเหล่านี้ คือ ศาสนาพราหมณ์ที่เก่าแก่ที่สุดในเอเชีย. ศาสนาพราหมณ์เชื่อว่าวิญญาณไม่มีดับ วิญญาณเป็นอมตะ แต่ร่างกายแตกดับได้   พอร่างกายแตกดับ วิญญาณก็จะล่งลอยไปหาที่เกิดใหม่ ต่อมาศาสนาที่เกิดขึ้นในภายหลัง ได้แก่ ศาสนาพุทธ ศาสนาคริสต์ และศาสนาอิสลามต่างก็เชื่อเรื่องวิญญาณและโลกหลังความตายทั้งสิ้น   ทั้งสามศาสนาเชื่อว่ากรรมหรือการกระทำทั้งดีและไม่ดี รวมถึงกิเลสตัณหาที่เกิดจากตัวบุคคลในโลกปัจจุบันจะถูกบันทึกและเป็นตัวกำหนดว่าคนผู้นั้น เมื่อตายไปจะถูกส่งไปยังที่แห่งใด  ภาพของสวรรค์และนรกของทั้งสามศาสนาค่อนข้างมีความคล้ายคลึงกัน  สวรรค์เต็มไปด้วยความสุขสบาย มีแต่สิ่งสวยงาม มีอาหารการกินที่บริบูรณ์  สำหรับนรกกลับตรงกันข้าม ทั้งแร้นแค้น ยากลำบาก และทุกข์ทรมาน
         ผลงานจิตรกรรม เอเชียไตรภูมิ แสดงให้เห็นถึงการจัดวางองค์ประกอบของสามโลก ได้แก่ โลกมนุษย์ สวรรค์ และนรก  แต่ละโลกเต็มไปด้วยปฏิมากรรมรูปเคารพและภาพจิตรกรรมที่ปรากฏอยู่จริงในทวีปเอเชีย. ศิลปินเขียนภาพวัตถุโบราณและสัญญะทางความเชื่อทั้งโบราณและร่วมสมัยในลักษณะผสมผสานกัน ไม่ได้แบ่งหมวดหมู่ทางศาสนาและนิกาย และเส้นแบ่งเขตเวลาที่ชัดเจน  ด้านบนสุดเปรียบดั่งสวรรค์ที่เต็มไปด้วยเหล่าเทพสูงสุด    ในช่วงกลางของภาพ มีศาสดาคนสำคัญ ผู้คอยชี้ทางให้แก่เหล่ามวลมนุษย์โลก ในพื้นที่เดียวกันก็มีปีศาจ หรือ ซาตาน เป็นสิ่งที่ชักจูงให้มนุษย์กระทำบาปหลงผิด จนสุดท้ายนำไปสู่ในส่วนของล่างสุดของภาพ.  นรกเป็นแหล่งรวมวิญญาณชั่วร้ายสัตว์ประหลาดและผู้รักษากฎของนรก
รูปทรงที่เด่นชัดที่สุดของภาพจิตรกรรม เอเชียไตรภูมิ ได้แก่ ภาพพระเศียรของพระพุทธรูปศิลปะคันธารราฐ   เป็นพระพุทธรูปยุคแรกๆ ราว 74 ปีก่อนคริสต์ศักราช มีลักษณะเป็นศิลปะแบบเฮเลนิสติก  สร้างขึ้นมาเพื่อสักการะแทนองค์พระพุทธเจ้า ศิลปินประทับใจในพระพักตร์ที่มีลักษณะเป็นฝรั่ง  แสดงให้เห็นถึงความเป็นสากลของพระพุทธรูปศิลปะคันธารราฐ   พระพุทธรูปรุ่นแรกๆนี้พบมากที่ประเทศอัฟกานิสถานในปัจจุบัน   เมื่อพระพุทธศาสนาได้แพร่กระจายไปทั่วทวีปเอเชีย  ได้ผสมผสานกับความเชื่อพื้นถิ่น  เกิดเป็นนิกายแยกย่อยลงไปอีก  การผสมผสานนี้เองส่งผลทำให้รูปลักษณ์ของพระพุทธรูปมีลักษณะแตกต่างกันไป   ศิลปินได้วาดภาพพระเศียรของพระพุทธเจ้า โดยใช้เทคนิคการระบายสีทับกัน (succumbing and impasto) เป็นการเติมสีแล้วทิ้งไว้ระยะหนึ่งแล้วทำซ้ำ จะเห็นว่าบริเวณนี้มีเนื้อสีที่หนาขึ้น
ธณฤษภ์ได้แสดงให้เห็นถึงความเป็นสากลของพระพุทธศาสนา โดยวาดเส้นบางๆ บนพื้นผิวบนสุดของภาพจิตรกรรม เอเชียไตรภูมิ   เส้นดังกล่าวมีลักษณะเป็นการวาดเส้นซ้ำๆกัน คล้ายคลื่นน้ำที่ค่อยกระจายออกจากจุดศูนย์กลาง อันได้แก่ พุทธศาสนา แล้วกระจายไปรวมกับสัญญะทางศาสนาและวัฒนธรรมอื่นๆ  ศิลปินต้องการแสดงให้เห็นความเชื่อมโยงของศาสนาที่แตกต่างกัน แต่ต่างก็อยู่ในธรรมชาติเดียวกัน อันได้แก่ การหมุนเวียนของสรรพสิ่งที่ไม่อาจจะหยุดนิ่ง
ในบริเวณกลางภาพของ เอเชียไตรภูมิ  ธณฤษภ์ได้แสดงให้เห็นหลักฐานทางโบราณคดีที่สำคัญ ได้แก่ วิหารถ้ำบนแผ่นดินที่ราบสูงอินเดียใต้ ราวพุทธศตวรรษที่ 3-5  เมื่อพุทธเถรวาทเสื่อมลงวิหารถ้ำก็ถูกทิ้งร้างกว่า 400 ปี เมื่อครั้งถึงพุทธมหายานจากราชวงศ์คุปตะเข้ามา จึงได้เริ่มมีการพัฒนาต่อในถ้ำวิหาร ต่อมาช่วงปลายพุทธศตวรรษที่ 13 อิทธิพลศาสนาพราหมณ์เพิ่มสูงขึ้นโดยพบร่องรอยการเผาทำลายรูปเคารพในถ้ำ ในช่วงพุทธศตวรรษที่ 13-16 มีการขุดสร้างวิหารถ้ำเพิ่มในช่วงศาสนาพราหมณ์เฟื่องฟู มีการสร้างวิหารไกรลาสอันเลื่องชื่อ ที่เกาะสลักจากเขาทั้งลูก ในช่วงเวลาคาบเกี่ยวนี้ศาสนาเชนก็เข้ามาสร้างถ้ำวิหารเช่นกัน ช่วงปี พ.ศ.1839 สุลต่านแห่งเดลลี พร้อมกองทัพมุสลิมมีชีชัยต่อดินแดนแถบนี้วิหารถ้ำจึงถูกเผาทำลายอีกครั้ง ตลอดหลายศตวรรษวิหารร้างเหล่านี้มีคนที่หนีภัยสงครามเข้าไปพักอาศัยจึงโดนทำลายไปมากเช่นกัน จนมาถึง พ.ศ. 2202 กษัตริย์ฮินดูราชวงศ์โภสเลมีมีชัยต่อกองทัพอิสลามโมกุลและครองแผ่นยาวนานจนถึง พ.ศ.2361 กองทัพเจ้าอาณานิคมอังกฤษได้เข้ายึดครอง  จะเห็นได้ว่า. สถาปัตยกรรมตั้งอยู่ที่เดิม แต่มีผู้คนมากมายหลายกลุ่มผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนเข้ามาในวิหารถ้ำแห่งนี้. ธนฤทธิ์จึงได้สอดแทรกตัวละครทั้งเก่าและใหม่ผสมผสานกันไปบริเวณวิหารถ้ำ เพื่อแสดงให้เห็นว่า โลกนี้ไม่มีอะไรยั่งยืน เกิดแล้ว ก็ย่อมดับไปเสมอ
          แม้ว่า กาลเวลาหมุนเวียนเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาในช่วงประวัติศาสตร์บนแผ่นดินสุวรรณภูมิและชมพูทวีป  ศาสนายังคงเป็นแหล่งยึดมั่นจิตใจให้ทำความดีและเว้นความชั่ว  นรกและสวรรค์เป็นความเชื่อที่เตือนสติ ให้ใช้ชีวิตบนหนทางที่ถูกต้อง  ภาพจิตรกรรมของธณฤษภ์ก็เหมือนเป็นการบอกเล่าถึงความจริงที่เราควรตระหนักรู้ และเตรียมตัวให้พร้อมหากถึงเวลาที่จะต้องเดินทางไกลไปยังที่ที่แต่ละคนควรจะไป ดังเช่นที่พระพุทธเจ้ากล่าวว่า “ถ้าท่านยังมีกิเลสตายแล้วเกิดแน่ แต่ถ้าหมดกิเลสอย่างพระอรหันต์ตายแล้วไม่เกิด” ส่วนศาสนาคริสต์กล่าวว่าหากจะไปยัง “อาณาจักรแห่งพระเจ้า”มนุษย์ต้องรู้จักการเสียสละทรัพย์ภายนอกและมีความขยันหมั่นเพียร เพื่อให้พระเจ้าพิพากษาตัดสิน  สุดท้าย ศาสนาอิสลามกล่าวว่า “เพื่อการเตรียมพร้อมสู่การใช้ชีวิตใหม่อันเป็นนิรันดร์ “ชีวิตแห่งโลกหน้า (อาคิเราะฮ์)” คือผลผลิตแห่งเมล็ดพันธุ์ ซึ่งมนุษย์ได้เพาะปลูกเอาไว้ในขณะที่เขาดำเนินชีวิตบนโลกนี้นั่นคือ ความดี  จิตรกรรม เอเชียไตรภูมิ ได้ชักชวนให้ผู้ชมได้เผชิญหน้ากับโลกทั้งสาม พินิจพิจารณา เพราะท้ายที่สุด ตัวเราเองจะเป็นคนเลือกเส้นทางด้วยตนเอง
รายการอ้างอิง
ฉัตรสุมาลย์ กบิลสิงห์.  ศาสนาคริสต์.  กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์, 2522.
เชคมุฮัมมัดนาอีม ประดับญาติ, ผู้แปล.  หลักการศรัทธาในอิสลาม.  กรุงเทพฯ: ศูนย์วัฒนธรรม สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่าน ประจำกรุงเทพมหานคร, 2545.
พระสมุห์สิทธิโชค สิทธิชโย, บรรณาธิการ. สำรวจพุทธสถานวิหารถ้ำอินเดียใต้.  เพชรบุรี: วัดมหาธาตุวรวิหาร, 2565.
สุวัฒน์ จันทรจำนง.  แก่นพระพุทธธรรมฉบับอังกฤษ-ไทย.  กรุงเทพฯ: สุขภาพใจ, 2547.
เสฐียรพงษ์ วรรณปก.  เพื่อความเข้าใจถูกต้องเกี่ยวกับหลักกรรม.  กรุงเทพฯ: ศยาม, 2559.
เสรี พงศ์พิศ.  ศาสนาคริสต์.  กรุงเทพฯ : มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, 2531.
สมเกียรติ โล่เพชรัตน์.  วิเคราะห์ประวัติการนับถือศาสนาพุทธและศิลปะพระพุทธรูปในเอเชีย.  กรุงเทพฯ: อัมรินทร์พริ้นติ้งแอนด์พับลิชชิ่ง, 2546.
สาธิต ทิมวัฒนบรรเทิง.  การเขียนภาพสีน้ำมัน.  กรุงเทพฯ: โอ.เอส. พริ้นติ้ง เฮ้าส์, 2547.
  • instargram
  • facebook
  • pinterest
  • x

More Art Works

Contact

Thai Art Museum co.,Ltd.
499 Kamphaengphet 6 Road, Ladyao, Chatuchak, Bangkok 10900 Thailand
Tel: (+66) 2 016-5666 Fax: (+66) 2 016-5670

© Copyright mocabangkok.co.,ltd. Limited All Rights Reserved Designed by Webdesignads.com

   

Subscribe

Receive e-mail updates on our exhibitions, events, and more.







    © Copyright mocabangkok.co.,ltd. Limited All Rights Reserved Designed by Webdesignads.com
    • No translations available for this page