เอเชียไตรภูมิ Technique : Oil on linen ขนาด : 200 x 250 cm ปี : 2020 เอเชียไตรภูมิ โดย ธณฤษภ์ ทิพย์วารี การสำรวจตนเองผ่านหลักความเชื่อของศาสนาพุทธเป็นหนึ่งในหนทางที่ธณฤษภ์ ทิพย์วารี ปรับประยุกต์มาใช้ในการสร้างสรรค์ผลงานจิตรกรรม เอเชียไตรภูมิ ศิลปินเห็นว่า การใช้ชีวิตในแต่ละวันย่อมต้องมีแนวทาง มีสิ่งชี้นำอันเป็นจุดยึดเหนี่ยวในจิตใจ สิ่งแรกที่ศิลปินให้ความสำคัญ คือ การทำความเข้าใจกฎธรรมชาติ หรือนิยาม 5 พุทธศาสนาไม่เชื่อว่าพระเจ้าเป็นผู้สร้างโลก และไม่ได้สร้างสรรพสิ่งทั้งหลายที่มีชีวิตและไม่มีชีวิต หากแต่เป็นสังขตธรรม อันเกิดขึ้นจากการปรุงแต่งจากเหตุปัจจัยจึงล้วนแต่อยู่ใต้กฎไตรลักษณ์ ปฏิจจสมุปบาท และกฎธรรมชาติทั้งสิ้น เมื่อเข้าใจความปกติของธรรมชาติแล้ว ก็จะเข้าใจไตรลักษณ์ที่กล่าวถึงกฎของความเปลี่ยนแปลงล้วนแต่เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป เมื่อเข้าใจถึงการเปลี่ยนแปลงในเชิงกายภาพแล้ว ต่อไปสิ่งที่ธณฤษภ์เรียนรู้ คือ ความเชื่อเรื่องสวรรค์ นรก ชาติก่อน และชาติหน้า ต้นทางของความเชื่อเหล่านี้ คือ ศาสนาพราหมณ์ที่เก่าแก่ที่สุดในเอเชีย. ศาสนาพราหมณ์เชื่อว่าวิญญาณไม่มีดับ วิญญาณเป็นอมตะ แต่ร่างกายแตกดับได้ พอร่างกายแตกดับ วิญญาณก็จะล่งลอยไปหาที่เกิดใหม่ ต่อมาศาสนาที่เกิดขึ้นในภายหลัง ได้แก่ ศาสนาพุทธ ศาสนาคริสต์ และศาสนาอิสลามต่างก็เชื่อเรื่องวิญญาณและโลกหลังความตายทั้งสิ้น ทั้งสามศาสนาเชื่อว่ากรรมหรือการกระทำทั้งดีและไม่ดี รวมถึงกิเลสตัณหาที่เกิดจากตัวบุคคลในโลกปัจจุบันจะถูกบันทึกและเป็นตัวกำหนดว่าคนผู้นั้น เมื่อตายไปจะถูกส่งไปยังที่แห่งใด ภาพของสวรรค์และนรกของทั้งสามศาสนาค่อนข้างมีความคล้ายคลึงกัน สวรรค์เต็มไปด้วยความสุขสบาย มีแต่สิ่งสวยงาม มีอาหารการกินที่บริบูรณ์ สำหรับนรกกลับตรงกันข้าม ทั้งแร้นแค้น ยากลำบาก และทุกข์ทรมาน ผลงานจิตรกรรม เอเชียไตรภูมิ แสดงให้เห็นถึงการจัดวางองค์ประกอบของสามโลก ได้แก่ โลกมนุษย์ สวรรค์ และนรก แต่ละโลกเต็มไปด้วยปฏิมากรรมรูปเคารพและภาพจิตรกรรมที่ปรากฏอยู่จริงในทวีปเอเชีย. ศิลปินเขียนภาพวัตถุโบราณและสัญญะทางความเชื่อทั้งโบราณและร่วมสมัยในลักษณะผสมผสานกัน ไม่ได้แบ่งหมวดหมู่ทางศาสนาและนิกาย และเส้นแบ่งเขตเวลาที่ชัดเจน ด้านบนสุดเปรียบดั่งสวรรค์ที่เต็มไปด้วยเหล่าเทพสูงสุด ในช่วงกลางของภาพ มีศาสดาคนสำคัญ ผู้คอยชี้ทางให้แก่เหล่ามวลมนุษย์โลก ในพื้นที่เดียวกันก็มีปีศาจ หรือ ซาตาน เป็นสิ่งที่ชักจูงให้มนุษย์กระทำบาปหลงผิด จนสุดท้ายนำไปสู่ในส่วนของล่างสุดของภาพ. นรกเป็นแหล่งรวมวิญญาณชั่วร้ายสัตว์ประหลาดและผู้รักษากฎของนรก รูปทรงที่เด่นชัดที่สุดของภาพจิตรกรรม เอเชียไตรภูมิ ได้แก่ ภาพพระเศียรของพระพุทธรูปศิลปะคันธารราฐ เป็นพระพุทธรูปยุคแรกๆ ราว 74 ปีก่อนคริสต์ศักราช มีลักษณะเป็นศิลปะแบบเฮเลนิสติก สร้างขึ้นมาเพื่อสักการะแทนองค์พระพุทธเจ้า ศิลปินประทับใจในพระพักตร์ที่มีลักษณะเป็นฝรั่ง แสดงให้เห็นถึงความเป็นสากลของพระพุทธรูปศิลปะคันธารราฐ พระพุทธรูปรุ่นแรกๆนี้พบมากที่ประเทศอัฟกานิสถานในปัจจุบัน เมื่อพระพุทธศาสนาได้แพร่กระจายไปทั่วทวีปเอเชีย ได้ผสมผสานกับความเชื่อพื้นถิ่น เกิดเป็นนิกายแยกย่อยลงไปอีก การผสมผสานนี้เองส่งผลทำให้รูปลักษณ์ของพระพุทธรูปมีลักษณะแตกต่างกันไป ศิลปินได้วาดภาพพระเศียรของพระพุทธเจ้า โดยใช้เทคนิคการระบายสีทับกัน (succumbing and impasto) เป็นการเติมสีแล้วทิ้งไว้ระยะหนึ่งแล้วทำซ้ำ จะเห็นว่าบริเวณนี้มีเนื้อสีที่หนาขึ้น ธณฤษภ์ได้แสดงให้เห็นถึงความเป็นสากลของพระพุทธศาสนา โดยวาดเส้นบางๆ บนพื้นผิวบนสุดของภาพจิตรกรรม เอเชียไตรภูมิ เส้นดังกล่าวมีลักษณะเป็นการวาดเส้นซ้ำๆกัน คล้ายคลื่นน้ำที่ค่อยกระจายออกจากจุดศูนย์กลาง อันได้แก่ พุทธศาสนา แล้วกระจายไปรวมกับสัญญะทางศาสนาและวัฒนธรรมอื่นๆ ศิลปินต้องการแสดงให้เห็นความเชื่อมโยงของศาสนาที่แตกต่างกัน แต่ต่างก็อยู่ในธรรมชาติเดียวกัน อันได้แก่ การหมุนเวียนของสรรพสิ่งที่ไม่อาจจะหยุดนิ่ง ในบริเวณกลางภาพของ เอเชียไตรภูมิ ธณฤษภ์ได้แสดงให้เห็นหลักฐานทางโบราณคดีที่สำคัญ ได้แก่ วิหารถ้ำบนแผ่นดินที่ราบสูงอินเดียใต้ ราวพุทธศตวรรษที่ 3-5 เมื่อพุทธเถรวาทเสื่อมลงวิหารถ้ำก็ถูกทิ้งร้างกว่า 400 ปี เมื่อครั้งถึงพุทธมหายานจากราชวงศ์คุปตะเข้ามา จึงได้เริ่มมีการพัฒนาต่อในถ้ำวิหาร ต่อมาช่วงปลายพุทธศตวรรษที่ 13 อิทธิพลศาสนาพราหมณ์เพิ่มสูงขึ้นโดยพบร่องรอยการเผาทำลายรูปเคารพในถ้ำ ในช่วงพุทธศตวรรษที่ 13-16 มีการขุดสร้างวิหารถ้ำเพิ่มในช่วงศาสนาพราหมณ์เฟื่องฟู มีการสร้างวิหารไกรลาสอันเลื่องชื่อ ที่เกาะสลักจากเขาทั้งลูก ในช่วงเวลาคาบเกี่ยวนี้ศาสนาเชนก็เข้ามาสร้างถ้ำวิหารเช่นกัน ช่วงปี พ.ศ.1839 สุลต่านแห่งเดลลี พร้อมกองทัพมุสลิมมีชีชัยต่อดินแดนแถบนี้วิหารถ้ำจึงถูกเผาทำลายอีกครั้ง ตลอดหลายศตวรรษวิหารร้างเหล่านี้มีคนที่หนีภัยสงครามเข้าไปพักอาศัยจึงโดนทำลายไปมากเช่นกัน จนมาถึง พ.ศ. 2202 กษัตริย์ฮินดูราชวงศ์โภสเลมีมีชัยต่อกองทัพอิสลามโมกุลและครองแผ่นยาวนานจนถึง พ.ศ.2361 กองทัพเจ้าอาณานิคมอังกฤษได้เข้ายึดครอง จะเห็นได้ว่า. สถาปัตยกรรมตั้งอยู่ที่เดิม แต่มีผู้คนมากมายหลายกลุ่มผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนเข้ามาในวิหารถ้ำแห่งนี้. ธนฤทธิ์จึงได้สอดแทรกตัวละครทั้งเก่าและใหม่ผสมผสานกันไปบริเวณวิหารถ้ำ เพื่อแสดงให้เห็นว่า โลกนี้ไม่มีอะไรยั่งยืน เกิดแล้ว ก็ย่อมดับไปเสมอ แม้ว่า กาลเวลาหมุนเวียนเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาในช่วงประวัติศาสตร์บนแผ่นดินสุวรรณภูมิและชมพูทวีป ศาสนายังคงเป็นแหล่งยึดมั่นจิตใจให้ทำความดีและเว้นความชั่ว นรกและสวรรค์เป็นความเชื่อที่เตือนสติ ให้ใช้ชีวิตบนหนทางที่ถูกต้อง ภาพจิตรกรรมของธณฤษภ์ก็เหมือนเป็นการบอกเล่าถึงความจริงที่เราควรตระหนักรู้ และเตรียมตัวให้พร้อมหากถึงเวลาที่จะต้องเดินทางไกลไปยังที่ที่แต่ละคนควรจะไป ดังเช่นที่พระพุทธเจ้ากล่าวว่า “ถ้าท่านยังมีกิเลสตายแล้วเกิดแน่ แต่ถ้าหมดกิเลสอย่างพระอรหันต์ตายแล้วไม่เกิด” ส่วนศาสนาคริสต์กล่าวว่าหากจะไปยัง “อาณาจักรแห่งพระเจ้า”มนุษย์ต้องรู้จักการเสียสละทรัพย์ภายนอกและมีความขยันหมั่นเพียร เพื่อให้พระเจ้าพิพากษาตัดสิน สุดท้าย ศาสนาอิสลามกล่าวว่า “เพื่อการเตรียมพร้อมสู่การใช้ชีวิตใหม่อันเป็นนิรันดร์ “ชีวิตแห่งโลกหน้า (อาคิเราะฮ์)” คือผลผลิตแห่งเมล็ดพันธุ์ ซึ่งมนุษย์ได้เพาะปลูกเอาไว้ในขณะที่เขาดำเนินชีวิตบนโลกนี้นั่นคือ ความดี จิตรกรรม เอเชียไตรภูมิ ได้ชักชวนให้ผู้ชมได้เผชิญหน้ากับโลกทั้งสาม พินิจพิจารณา เพราะท้ายที่สุด ตัวเราเองจะเป็นคนเลือกเส้นทางด้วยตนเอง รายการอ้างอิง ฉัตรสุมาลย์ กบิลสิงห์. ศาสนาคริสต์. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์, 2522. เชคมุฮัมมัดนาอีม ประดับญาติ, ผู้แปล. หลักการศรัทธาในอิสลาม. กรุงเทพฯ: ศูนย์วัฒนธรรม สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่าน ประจำกรุงเทพมหานคร, 2545. พระสมุห์สิทธิโชค สิทธิชโย, บรรณาธิการ. สำรวจพุทธสถานวิหารถ้ำอินเดียใต้. เพชรบุรี: วัดมหาธาตุวรวิหาร, 2565. สุวัฒน์ จันทรจำนง. แก่นพระพุทธธรรมฉบับอังกฤษ-ไทย. กรุงเทพฯ: สุขภาพใจ, 2547. เสฐียรพงษ์ วรรณปก. เพื่อความเข้าใจถูกต้องเกี่ยวกับหลักกรรม. กรุงเทพฯ: ศยาม, 2559. เสรี พงศ์พิศ. ศาสนาคริสต์. กรุงเทพฯ : มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, 2531. สมเกียรติ โล่เพชรัตน์. วิเคราะห์ประวัติการนับถือศาสนาพุทธและศิลปะพระพุทธรูปในเอเชีย. กรุงเทพฯ: อัมรินทร์พริ้นติ้งแอนด์พับลิชชิ่ง, 2546. สาธิต ทิมวัฒนบรรเทิง. การเขียนภาพสีน้ำมัน. กรุงเทพฯ: โอ.เอส. พริ้นติ้ง เฮ้าส์, 2547. Like this art instargram facebook pinterest x More Art Works