Charoon Boonsuan

จรูญ บุญสวน

เกิด พ.ศ. 2481 ปัจจุบันพำนักและทำงานอยู่ในจังหวัดลำพูน ประเทศไทย

จรูญ บุญสวน เกิดที่จังหวัดสิงห์บุรี สำเร็จการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลายเมื่อปี พ.ศ. 2497 จากโรงเรียนสิงห์บุรี “สิงหะวัฒนะพาหะ” (ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็นโรงเรียนสิงห์บุรี) และเข้าศึกษาต่อที่โรงเรียนศิลปศึกษา (ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็นวิทยาลัยช่างศิลป์) ระหว่างปี พ.ศ. 2498–2500 ซึ่งเป็นโรงเรียนเตรียมความพร้อมของมหาวิทยาลัยศิลปากร และในปี พ.ศ. 2501 ได้เข้าศึกษาที่คณะจิตรกรรม ประติมากรรม และภาพพิมพ์ มหาวิทยาลัยศิลปากร สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีในปี พ.ศ. 2506 และระดับปริญญาโทในปี พ.ศ. 2523 จากสถาบันเดียวกัน

ช่วงเวลาที่เขาเป็นนักศึกษาอยู่ที่มหาวิทยาลัยศิลปากรนั้น ถือเป็นอีกช่วงเวลาที่สำคัญของชีวิต เขาได้มีโอกาสเรียนกับศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี ตั้งแต่ปี 1 ถึงปี 5 ซึ่งศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี ถือเป็นบุคคลสำคัญที่มีบทบาทต่อวงการศิลปะร่วมสมัยของไทยอย่างมาก ทำให้เขาได้รับอิทธิพลทางความคิดและแนวทางการทำงานศิลปะ รวมถึงการใช้ชีวิต มาจากอาจารย์ศิลป์ ผู้ซึ่งเขาเคารพนับถือมาตลอดชีวิต

ตลอดเส้นทางอาชีพ จรูญ บุญสวน มีบทบาทสำคัญทั้งในฐานะศิลปินและนักการศึกษา เขาเริ่มต้นอาชีพเป็นอาจารย์ประจำวิทยาลัยเทคโนโลยีและอาชีวศึกษา วิทยาเขตเทคนิคภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จังหวัดนครราชสีมา ในปี พ.ศ. 2506–2522 ต่อมาในปี พ.ศ. 2522 ได้ย้ายมาอยู่ลำพูน และเข้าทำงานเป็นอาจารย์สอนที่วิทยาลัยเทคโนโลยีและอาชีวศึกษา วิทยาเขตเทคนิคภาคพายัพ จังหวัดเชียงใหม่ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2522–2524 และในปี พ.ศ. 2525–2528 ได้ย้ายมาเป็นอาจารย์สอนที่วิทยาลัยเทคนิคลำพูน จากนั้นในปี พ.ศ. 2529–2536 ได้ย้ายไปเป็นอาจารย์ประจำคณะวิจิตรศิลป์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และได้ลาออกในปี พ.ศ. 2536 เพื่อผันตัวเป็นศิลปินอิสระ ทำงานศิลปะเต็มเวลาเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน

จรูญ บุญสวน ได้รับรางวัลด้านศิลปกรรมและเกียรติคุณมากมายตลอดเส้นทางอาชีพศิลปินของเขา ครอบคลุมทั้งการแสดงศิลปกรรมระดับประเทศ โดยเฉพาะในช่วง พ.ศ. 2520–2530 เขาได้รับรางวัลจากการแสดงศิลปกรรมแห่งชาติหลายครั้ง รวมถึงรางวัลจากนิทรรศการจิตรกรรมบัวหลวง และการประกวดศิลปกรรมร่วมสมัยของธนาคารกสิกรไทย รางวัลที่สำคัญ ได้แก่ รางวัลเกียรตินิยมอันดับ 3 เหรียญทองแดง (จิตรกรรม) จากการแสดงศิลปกรรมแห่งชาติ ครั้งที่ 28 พ.ศ. 2525 รางวัลเกียรตินิยมอันดับ 3 เหรียญทองแดง (จิตรกรรม) จากการแสดงศิลปกรรมแห่งชาติ ครั้งที่ 30 พ.ศ. 2527 พร้อมกับรางวัลที่ 3 เหรียญทองแดงบัวหลวง ประเภทไทยร่วมสมัย จากนิทรรศการจิตรกรรมบัวหลวง และรางวัลชนะเลิศการประกวดศิลปกรรมร่วมสมัย โดยการสนับสนุนของธนาคารกสิกรไทย รางวัลเกียรตินิยมอันดับ 3 เหรียญทองแดง (จิตรกรรม) จากการแสดงศิลปกรรมแห่งชาติ ครั้งที่ 31 พ.ศ. 2528 พร้อมกับรางวัลที่ 2 เหรียญเงินบัวหลวง ประเภทไทยร่วมสมัย และรางวัลชนะเลิศการประกวดศิลปกรรมร่วมสมัย โดยการสนับสนุนของธนาคารกสิกรไทย

ในช่วง พ.ศ. 2550–2560 จรูญได้รับการเชิดชูเกียรติในฐานะศิลปินอาวุโส และมีผลงานเป็นที่ยอมรับในระดับประเทศ ได้แก่ รางวัลราชมงคลสรรเสริญ ผู้มีผลงานดีเด่นทางวัฒนธรรม สาขาทัศนศิลป์ จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี พ.ศ. 2553 รางวัลยกย่องเชิดชูเกียรติศิลปิน คนท้องถิ่นเมืองลำพูน สาขาทัศนศิลป์ จากองค์การบริหารส่วนจังหวัดลำพูน พ.ศ. 2554

ผลงานของจรูญถูกจัดแสดงทั้งในและต่างประเทศ โดยนิทรรศการเดี่ยวที่สำคัญ ได้แก่ “60 ปี แห่งสีสัน” ณ Palace of Art กรุงเทพฯ (พ.ศ. 2541), “สีสันพรรณพฤกษ์” ณ หอศิลป์จามจุรี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (พ.ศ. 2548), “80th Year Work & Life of Charoon Boonsuan” ณ Temple House Lamphun (พ.ศ. 2561) และ “100 รูป บุปผามาลี สีสันพรรณพฤกษ์” ณ เชียงใหม่ อาร์ต มิวเซียม (พ.ศ. 2562) ส่วนผลงานในต่างประเทศเคยจัดแสดงในนิทรรศการ “A View from Thailand” ณ Pacific Asia Museum รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา และ ASEAN Arts Exhibition ซึ่งรวบรวมผลงานของศิลปินจากประเทศไทย มาเลเซีย อินโดนีเซีย สิงคโปร์ และฟิลิปปินส์ ผลงานของเขายังคงถูกจัดแสดงอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน

จรูญ บุญสวน เป็นศิลปินที่มีแนวทางศิลปะพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยเริ่มจากรูปแบบ Realistic ในสมัยนักศึกษา ต่อมาในช่วงต้นของการทำงาน เขาได้ทดลองทำงานศิลปะแบบนามธรรม (Abstract) และเข้าสู่แนวคิวบิสม์ (Cubism) ก่อนจะกลับมาสู่แนว Realistic/Impressionism อีกครั้งในช่วงท้ายของชีวิตอาจารย์ และใช้แนวทางนี้ต่อเนื่องเรื่อยมา แม้ในสายตาหลายคนจะมองว่าเขาเป็นศิลปินแนวเหมือนจริง แต่แท้จริงแล้ว เขาคือศิลปินนามธรรมที่ใช้โครงร่างจากธรรมชาติมาเป็นกรอบในการแสดงสีสันตามความรู้สึก ซึ่งสะท้อนว่า “ความสุขในการทำงานคือเป้าหมายสูงสุดของเขา”

ปัจจุบัน เขายังคงสร้างสรรค์ผลงานแนวภูมิทัศน์ที่เน้นความงามของธรรมชาติ โดยเฉพาะดอกไม้ ซึ่งสะท้อนความประณีตในการใช้สีและองค์ประกอบอย่างมีเอกลักษณ์ ผลงานของเขาได้รับการสะสมโดยพิพิธภัณฑ์ศิลปะไทยร่วมสมัย (MOCA BANGKOK) ปัจจุบันจรูญยังคงมุ่งมั่นสร้างงานศิลปะและถ่ายทอดความรู้แก่คนรุ่นใหม่ ศิลปะสำหรับเขาคือสิ่งจรรโลงใจที่ศิลปินมอบให้แก่สังคม โดยสุนทรียะคือหัวใจของผลงาน ผ่านทาง หอศิลป์บ้านบัวแก้ว ซึ่งก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2532 ที่นอกจากจะเป็นศูนย์รวมผลงานของเขาแล้ว ยังเป็นพื้นที่ที่มอบแรงบันดาลใจให้แก่ผู้รักศิลปะ นักเรียน นักศึกษา ตลอดจนผู้มาเยือนทั่วไป ปัจจุบันแม้จะต้องติดต่อล่วงหน้าเพื่อเข้าชม แต่มีแผนจะเปิดทำการอย่างเป็นระบบในอนาคตอันใกล้นี้