1aw-home_logo1aw-home_logo1aw-home_logo1aw-home_logo
  • หน้าแรก
  • เยี่ยมชมเรา
    • การรับเข้าเรียน
    • เคล็ดลับสำหรับการเยี่ยมชม
    • การเข้าถึงได้
    • ทัวร์กลุ่มและพิพิธภัณฑ์
  • คอลเลคชั่นและนิทรรศการ
    • นิทรรศการถาวร
    • นิทรรศการชั่วคราว
    • ศิลปิน A-Z
    • ศิลปะ
  • พื้นที่ศิลปะโฟร์ซีซั่นส์
    • เยี่ยมชมและแผนที่
    • นิทรรศการชั่วคราว
  • บล็อก
  • เกี่ยวกับเรา
    • สารจากผู้ก่อตั้ง
    • วิสัยทัศน์และพันธกิจของเรา
  • ติดต่อเรา
    • ติดต่อเรา
    • การเช่าสถานที่
    • คำถามที่พบบ่อย
    • โอกาส
  • ร้านค้า
  • TH
    • EN
    • TH
  • ตั๋ว
✕
  • หน้าแรก
  • กำเนิดอาณาจักร

กำเนิดอาณาจักร

  • Technique : Oil on canvas
  • ขนาด : 300 x 500 cm
  • ปี : 2023

กำเนิดอาณาจักร โดย ธณฤษภ์ ทิพย์วารี

“แท้ที่จริงแล้ว ผมไม่ใช่ตัวผมเสียทั้งหมด ร่างกาย ความคิดและความรู้สึกของผม คือ การหลอมรวมกันของพันธุกรรมของพ่อแม่และบรรพบุรุษของพ่อแม่อีกทีหนึ่ง.  แล้วความคิด ความเชื่อ และทัศนคติของผมมาจากไหน. ผมจึงเริ่มเดินทางย้อนสายธารทางประวัติศาสตร์ เพื่อสำรวจรากเหง้าของสิ่งที่ส่งประกอบสร้างตัวผม  ผมเริ่มอ่านหนังสือประวัติศาสตร์ทั่วไป. ท้ายที่สุด ผมพบว่า. ทุกการค้นหาไปสิ้นสุดที่การก่อกำเนิดสุวรรณภูมิ…”

หากอ้างอิงกับพื้นที่ในเวลาปัจจุบัน สุวรรณภูมิเป็นดินแดนแผ่นดินใหญ่ภาคพื้นทวีปของอุษาคเนย์ โดยไม่ระบุจำเพาะเจาะจงที่ใดที่หนึ่ง  ครอบคลุมมาเลเซีย ไทย เมียนมาร์ กัมพูชา เวียดนาม และลาว  แต่หากพิจารณาทางวัฒนธรรมแล้ว. อารยธรรมของสุวรรณภูมิมิได้จำกัดอยู่ภายในพื้นที่ แต่มีการเคลื่อนที่ เลื่อนไหลและถ่ายเทตั้งแต่ เอเชียกลางไปจนถึงจีนและญี่ปุ่นในเวลาปัจจุบัน  การเดินทางและเคลื่อนที่ของมนุษย์ในทวีปเอเชียนี้ก่อให้เกิดพลวัตที่มีนัยยะสำคัญ.  เป้าประสงค์แรกๆของการเดินทางอาจจะเป็นเพราะต้องการเดินทางมาค้าขาย หรือแสวงหาทรัพยากรอื่นๆ   ดั่งที่ชาวอินเดียรู้จักต่อเรือขนาดใหญ่และรู้จักวิถีของลมมรสุม สิ่งที่เดินทางไปพร้อมกับผู้คน ได้แก่ ขนบธรรมเนียม ประเพณี วัฒนธรรม และศาสนา  อาจกล่าวได้ว่า การเดินทางเพื่อเหตุผลทางการค้าทำให้เกิดพลวัตทางวัฒนธรรมในเวลาเดียวกัน อันเป็นปัจจัยสำคัญในการประกอบสร้างทำให้เราเป็นเรา และส่งต่อสู่คนรุ่นหลัง

กำเนิดอาณาจักร แสดงให้เห็นผืนแผ่นดิน ศิลปินอ้างอิงแผนที่ปัจจุบันและแผนที่โบราณ ซึ่งถูกเขียนขึ้นโดยปโตเลมีผู้มีชีวิตอยู่ที่เมือง Alexandria เมื่อประมาณพุทธศตวรรษที่ 8  แผ่นดินแสดงให้เห็นสองแหล่งอารยธรรมในอดีต  โดยมีตัวอักษรภาษาสันสกฤต “ชมพูทวีป” และ “สุวรรณภูมิ” กำกับอยู่ตรงกลางของแหล่งอารยธรรมทั้งสองนั้น   ศิลปินได้แสดงให้เห็นว่าทั้งสองอารยธรรมเชื่อมโยงกันด้วยการเดินทางด้วยเรือในมหาสมุทร   ภายในอารยธรรมทั้งสอง ศิลปินได้วางตำแหน่งบุคคลทางประวัติศาสตร์ บุคลาธิษฐาน สถานที่ สถาปัตยกรรม และโบราณวัตถุอีกมากมาย ให้ตรงกับเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ที่เขาได้ศึกษามา   อีกทั้งธณฤษภ์ยังได้วาดภาพของภาพเขียนโบราณ ภาพถ่ายโบราณ และรูปดาราภาพยนตร์ร่วมสมัยที่กำลังสวมบทบาทของบุคคลทางประวัติศาสตร์ และบุคลาธิษฐานที่มีอยู่ในวรรณกรรมของชมพูทวีปและสุวรรณภูมิอีกด้วย

เนื้อหาหลักที่ถูกนำเสนอในผลงานจิตรกรรม กำเนิดอาณาจักร คือประวัติศาสตร์ที่เกิดขึ้นที่อินเดีย ย้อนไปราว 4,000 ปี  เนื่องจากประวัติศาสตร์มีความสลับซับซ้อน. ศิลปินจึงคัดเลือกเนื้อหาที่มีความสำคัญมานำเสนอผ่านภาษาจิตรกรรม. งานเขียนนี้จึงมุ่งแนะนำแต่ประเด็นใหญ่ๆพอสังเขป ดังนี้

กำเนิดอาณาจักร นำเสนอศาสนาที่เก่าแก่ของชมพูทวีป ได้แก่ ศาสนาพราหมณ์ ซึ่งมีวิวัฒนาการมาพร้อมกับมาของชาวอารยัน  พวกเขานับถือภูตผีปีศาจและอำนาจของธรรมชาติที่อธิบายไม่ได้  ต่อมาจึงมีทำรูปเคารพเทพ เช่น พระอินทร์ พระวรุณ และพระอัคนี  เพื่อเป็นการรวบรวมคำสวดอ้อนวอนต่อเทพ  คัมภีร์พระเวทจึงเกิดขึ้น เป็นคัมภีร์สำคัญของศาสนาฮินดูในอนาคต ศาสนาฮินดูเป็นศาสนาที่สืบเนื่องมาจากศาสนาพราหมณ์โดยหลายนิกาย ได้แก่ นิกายไศวะนับถือพระศิวะสูงสุด นิกายไวศณพนับถือพระวิษณุ (พระนารายณ์) สูงสุด นิกายศักตินับถือพระเทวีหรือชายาของมหาเทพต่างๆ นิกายคณะพัทยะนับถือพระพิฆเณศสูงสุด นิกายสรภัทธะพระอาทิตย์สูงสุด และนิกายสมารธะนับถือเทพทุกองค์ในศาสนาฮินดู   ภาพจิตรกรรม “กำเนิดอาณาจักร” แสดงให้เห็นเหล่ามหาเทพของฮินดู อยู่บนสุดของภาพ ในตำแหน่งของเทือกของหิมาลัย  ตามความเชื่อ เทือกของหิมาลัย คือ เขาไกรลาสที่ประทับของพระศิวะและพระแม่ปาวรตี แวดล้อมด้วยป่าหิมพานต์

กำเนิดอาณาจักร ยังได้แสดงเนื้อหาและอิทธิพลของวรรณกรรมที่สำคัญในสมัยมหากาพย์ (1,000-500 ปีก่อนคริสตกาล)  ได้แก่  มหากาพย์รามายณะ  และ มหากาพย์มหาภารตะ  มหากาพย์ทั้งสองแม้จะจัดให้อยู่ในประเภทของวรรณกรรม แต่ก็มีความสำคัญ เพราะผู้แต่งได้บันทึกทั้งความเป็นอยู่และการทำสงครามในสมัยนั้นไว้ด้วย

มหากาพย์รามายณะแต่งโดยฤาษีวัลมีกิ เป็นวรรณกรรมที่ยิ่งใหญ่และแพร่ไปหลายประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น ในเมืองไทยเรียกว่า “รามเกียรติ์” ในลาวเรียกว่า“พระลักษณ์พระราม” ในอินโดนีเซียเรียก “รามายณะ”  เนื้อเรื่องกล่าวถึงสงครามที่นำโดยพระรามและพระลักษณ์ร่วมมือกับกองทัพวานรเพื่อแย่งตัวนางสีดาคืนจากยักษ์ราวณะ (ในไทยเรียกท้าวทศกัณฑ์)  ธณฤษภ์ได้เขียนภาพตัวละครที่สำคัญ ได้แก่ “พระราม” และเรื่องราวบางส่วนของรามายณะ ไปตามพื้นที่ที่ได้รับอิทธิพลจากวรรณกรรมเรื่องนี้  เช่น ฝั่งชมพูทวีปในตำแหน่งของประเทศศรีลังกา ศิลปินได้เล่าเรื่องที่กรุงลงกา เมื่อเหล่ายักษ์ที่กำลังตะลุมบอนกับกองทัพวานรของพระรามอยู่.  ฝั่งสุวรรณภูมิในตำแหน่งของประเทศอินโดนีเซีย มีแสดงให้เห็นตัวละครและเนื้อหาที่คล้ายคลึงกัน  จะเห็นได้ว่า มหากาพย์รามายณะเป็นที่นิยมมากในสุวรรณภูมิ เพราะมีคติข้อคิดเรื่องความภัคดี มั่นคง ความอดทน ความเสียสละ ถือได้ว่าเป็นกาพย์ที่สอนศีลธรรมจรรยาในเรื่อง “ธรรมย่อมชนะอธรรม”  ส่วนมหากาพย์มหาภารตะแต่งโดยฤาษีเวทวยาส กล่าวถึงการทำสงครามกันระหว่างพี่น้องสองตระกูล ได้แก่ตระกูลเการพ และตระกูลปาณฑพ  ทั้งสองต่างสืบเชื้อสายมาจากตระกูลเดียวกัน  ถึงสุดท้ายตระกูลปาณฑพจะชนะแต่ก็สูญเสียญาติไปมากมาย  ภาพของธณฤษภ์แสดงให้เห็นรถศึกของอรชุนที่พุ่งไปในสนามรบ บริเวณใจกลางที่ราบลุ่มแม่น้ำของอินเดีย ซึ่งเป็นแหล่งชุมชนเมืองโบราณ

สุดท้าย กำเนิดอาณาจักร ยังได้แสดงให้เห็นถึงการเผยแพร่พุทธศาสนาจากชมพูทวีปมายังสุวรรณภูมิ  บริเวณกึ่งกลางภาพด้านบนหรือในตำแหน่งของประเทศเนปาลในปัจจุบัน  ศิลปินได้นำเสนอภาพพุทธประวัติของสมเด็จองค์สัมมาสัมพุทธเจ้า  ใกล้กันก็เป็นเสาของพระเจ้าอโศกมหาราชที่ใช้เป็นสัญลักษณ์การประกาศศาสนา  บริเวณกลางภาพจิตรกรรม จะพบเรือที่หลายลำที่ต่างมุ่งหน้าไปทางสุวรรณภูมิ  มีเรือหนึ่งลำที่ศิลปินวาดซ้ำสองครั้งอย่างตั้งใจ คือ เรือที่พระโสณเถระและพระอุตตรเถระเดินทางมายังดินแดนสุวรรณภูมิ เพื่อเผยแผ่พุทธศาสนาในปี พ.ศ. 287  เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเพื่อชำระพุทธศาสนาให้บริสุทธิ์จากพวกเดียรถีย์ที่เข้ามาบวชปลอม  จึงได้เกิดการสังคายนาครั้งที่ 3    ในส่วนของดินแดนจีนซึ่งแต่เดิมนับถือศาสนาเต๋าของเล่าจื้อและลัทธิหยูของขงจื้อ ศิลปินก็ได้แสดงให้เห็นว่า ศาสนาพุทธได้ถูกเผยแพร่เข้าไป ตั้งแต่ 220-250 ปีก่อนคริสตกาล และใน พ.ศ. 610 จักรพรรดิเม้งตี้ฮ่องเต้ได้ส่งคณะทูตไปสืบหาพระพุทธศาสนาทางตะวันตกเฉียงใต้ตอนล่าง ซึ่งก็คือ มณฑลซินเจียง  จนได้คัมภีร์จำนวน 42 บทกับพระภิกษุ 2 รูปกลับราชสำนักจีน แต่ช่วงเวลาที่จะเกิดพระในอมตะนิทาน “ไซอิ๋ว” คือช่วง พ.ศ.1172 สมัยพระเจ้าถังไท้จงได้ส่งหลวงจีนเหี้ยนจงหรือ “พระถังซำจั๋ง” ได้ออกแสวงบุญจนทั่วอินเดียพร้อมศิษย์เอกเห้งเจีย ตือโป๊ยก่าย และซัวเจ๋ง รวมไปถึงการถือกำเนิดพระโพธิสัตว์กวนกิมที่ได้รับอิทธิพลจากสายมหายาน ที่เกิดเข้าใจผิดว่าท่านมีกายเป็นหญิงแท้จริงเป็นเพียงการแปลงกายไปโปรดสัตว์ให้เหมาะสมกับสถานที่

ธณฤษภ์ ทิพย์วารี ได้กล่าวไว้ว่า

“ท้ายที่สุดของการเรียบเรียงเรื่องราวที่เกิดขึ้นในสุวรรณภูมิให้ปรากฏเป็นภาพจิตรกรรมขนาดใหญ่. ไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกยิ่งใหญ่ตามขนาดของภาพ.  ในทางตรงกันข้าม. ผมกลับรู้สึกว่า ตัวเองเล็กลงเรื่อยๆ  ยิ่งอ่าน ยิ่งเขียนภาพ ผมก็ตระหนักได้ว่า ผมเป็นเพียงคนๆหนึ่งที่มีอายุขัยในช่วงเวลาสั้นๆ ของสุวรรณภูมิ วันใดวันหนึ่งก็ต้องล้มหายตายจากไป. ส่วนดินแดนแห่งนี้ก็จะยังคงมีผู้คนพลัดเปลี่ยนเข้าเพื่อสร้างสรรค์และเจริญเติบโตต่อไป”

 

รายการอ้างอิง

จิตรา ก่อนันทเกียรติ.  พระพุทธ พระโพธิสัตว์ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ของจีน.  พิมพ์ครั้งที่ 2.  กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์จิตรา, 2542.

บัญชา พงษ์พานิช.  สุวรรณภูมิ ภูมิอารยธรรมเชื่อมโลก.  กรุงเทพฯ: ศิริวัฒนาอินเตอร์พริ้นท์, 2562.

ปรีชา นุ่นสุข.  อิทธิพลของมหากาพย์รามายณะในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้.  กรุงเทพฯ: สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ, 2524.

พระมหาดาวสยาม วชิรปัญโญ.  ประวัติศาสตร์พระพุทธศาสนาในอินเดีย.  กรุงเทพฯ: บริษัทพิมพ์สวย, 2546.

วันวิสาข์ ธรรมานนท์.  ประวัติศาสตร์และโบราณคดีอินเดียสมัยโบราณ.  ปัตตานี: มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี, 2563.

สมเกียรติ โล่เพชรัตน์.  วิเคราะห์ประวัติการนับถือศาสนาพุทธและศิลปะพระพุทธรูปในเอเชีย.  กรุงเทพฯ: อัมรินทร์พริ้นติ้งแอนด์พับลิชชิ่ง, 2546.

 

สัมภาษณ์ ธณฤษภ์ ทิพย์วารี, ศิลปินและอาจารย์มหาวิทยาลัย, 9 กรกฎาคม 2567.

ปรีชา นุ่นสุข, อิทธิพลของมหากาพย์รามายณะในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (กรุงเทพฯ: สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ, 2524), 16.

บัญชา พงษ์พานิช, สุวรรณภูมิ ภูมิอารยธรรมเชื่อมโลก (กรุงเทพฯ: ศิริวัฒนาอินเตอร์พริ้นท์, 2562), 22.

พระมหาดาวสยาม วชิรปัญโญ, ประวัติศาสตร์พระพุทธศาสนาในอินเดีย (กรุงเทพฯ: บริษัทพิมพ์สวย, 2546), 4.

เรื่องเดียวกัน, 5.

วันวิสาข์ ธรรมานนท์, ประวัติศาสตร์และโบราณคดีอินเดียสมัยโบราณ (ปัตตานี: มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี, 2563), 47.

พระมหาดาวสยาม วชิรปัญโญ, ประวัติศาสตร์พระพุทธศาสนาในอินเดีย, 15.

ปรีชา นุ่นสุข, อิทธิพลของมหากาพย์รามายณะในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้, 24.

พระมหาดาวสยาม วชิรปัญโญ, ประวัติศาสตร์พระพุทธศาสนาในอินเดีย, 17.

สมเกียรติ โล่เพชรัตน์, วิเคราะห์ประวัติการนับถือศาสนาพุทธและศิลปะพระพุทธรูปในเอเชีย (กรุงเทพฯ: อัมรินทร์พริ้นติ้งแอนด์พับลิชชิ่ง, 2546), 385.

จิตรา ก่อนันทเกียรติ, พระพุทธ พระโพธิสัตว์ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ของจีน, พิมพ์ครั้งที่ 2 (กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์จิตรา, 2542), 39.

สัมภาษณ์ ธณฤษภ์ ทิพย์วารี, ศิลปินและอาจารย์มหาวิทยาลัย.

  • instargram
  • facebook
  • pinterest
  • x

More Art Works

Contact

Thai Art Museum co.,Ltd.
499 Kamphaengphet 6 Road, Ladyao, Chatuchak, Bangkok 10900 Thailand
Tel: (+66) 2 016-5666 Fax: (+66) 2 016-5670

© Copyright mocabangkok.co.,ltd. Limited All Rights Reserved Designed by Webdesignads.com

   

Subscribe

Receive e-mail updates on our exhibitions, events, and more.







    © Copyright mocabangkok.co.,ltd. Limited All Rights Reserved Designed by Webdesignads.com
    • No translations available for this page