The Journey of Colors
- EXHIBITION DATE : AUG 9 – SEPr 21, 2025
TAGS
The Journey of Colors คือนิทรรศการที่บันทึกการเดินทางของ “สี” ในฐานะหัวใจของผลงานจิตรกรรมตลอดชีวิตของ จรูญ บุญสวน นิทรรศการนี้เชื้อเชิญให้ผู้ชมดำดิ่งสู่ภาวะภายใน ผ่านการเปลี่ยนแปลงของสีอย่างค่อยเป็นค่อยไป ที่ค่อย ๆ เปิดเผยตัวตนของศิลปิน จากสิ่งที่มองเห็น สู่สิ่งที่รู้สึก และถ่ายทอดออกมาอย่างอิสระบนผืนผ้าใบ
อาจารย์จรูญเริ่มต้นจากสิ่งธรรมดา เช่น ดอกไม้ หรือภูมิทัศน์ แต่ไม่ยึดติดกับความเหมือนจริง หากใช้เป็นเพียงจุดตั้งต้น เพื่อเข้าถึง “ภาวะเฉพาะตน” ที่สีทำหน้าที่เป็นพลังเงียบของอารมณ์ ความทรงจำ และประสบการณ์ สีในผลงานไม่แยกขาดจากตัวศิลปิน หากดำรงอยู่ร่วมกับธรรมชาติและการรับรู้ภายใน สอดคล้องกับแนวคิด affective perception ของ Maurice Merleau-Ponty ที่เชื่อว่าการรับรู้คือประสบการณ์ของร่างกายที่มีอยู่ร่วมกับโลก
อาจารย์ค้นพบว่าแม้เพียงโทนสีของชั้นรองพื้นก็สามารถส่งผลต่ออารมณ์โดยรวมของทั้งภาพ สีเหลืองช่วยให้ดอกไม้ดูสดใสขึ้น และทำให้ร่องรอยฝีแปรงชัดเจนขึ้น การวางสีจึงไม่ใช่เพียงเทคนิคทางศิลปะ แต่เป็น “ภาษาทางอารมณ์” ที่สงบ ลึก และจริงใจ สอดคล้องกับแนวคิด Interaction of Color ของ Josef Albers ที่เสนอว่าสีไม่มีความหมายแน่นอน แต่เกิดจากบริบทและความสัมพันธ์ของสีรอบข้าง
จากงานยุคแรกที่มีโครงสร้างชัดเจนและใช้สีทึบ ไปสู่งานที่เปิดรับสีสดด้วยความมั่นใจ งานของอาจารย์สะท้อนการเปลี่ยนผ่านจาก “การวาดเร็วเพื่อทิ้งฝีแปรง” มาสู่ “การวาดช้าเพื่ออยู่กับสิ่งที่กำลังปรากฏ” ดอกไม้ในภาพจึงไม่ใช่แค่สิ่งมีชีวิต หากเป็นภาวะแห่งความสงบ ความอิ่มเอม และการเปิดใจรับรู้โลกอย่างอ่อนโยน
นิทรรศการนี้ไม่มุ่งหวังให้ผู้ชม “เข้าใจ” หากเชื้อเชิญให้หยุดอยู่กับ “สี” กับ “ความรู้สึก” และกับ “ตัวเอง” ผ่านจังหวะของสายตาและหัวใจ
The Journey of Colors คือนิทรรศการที่บันทึกการเดินทางของ “สี” ในฐานะหัวใจของผลงานจิตรกรรมตลอดชีวิตของ จรูญ บุญสวน นิทรรศการนี้เชื้อเชิญให้ผู้ชมดำดิ่งสู่ภาวะภายใน ผ่านการเปลี่ยนแปลงของสีอย่างค่อยเป็นค่อยไป ที่ค่อย ๆ เปิดเผยตัวตนของศิลปิน จากสิ่งที่มองเห็น สู่สิ่งที่รู้สึก และถ่ายทอดออกมาอย่างอิสระบนผืนผ้าใบ
อาจารย์จรูญเริ่มต้นจากสิ่งธรรมดา เช่น ดอกไม้ หรือภูมิทัศน์ แต่ไม่ยึดติดกับความเหมือนจริง หากใช้เป็นเพียงจุดตั้งต้น เพื่อเข้าถึง “ภาวะเฉพาะตน” ที่สีทำหน้าที่เป็นพลังเงียบของอารมณ์ ความทรงจำ และประสบการณ์ สีในผลงานไม่แยกขาดจากตัวศิลปิน หากดำรงอยู่ร่วมกับธรรมชาติและการรับรู้ภายใน สอดคล้องกับแนวคิด affective perception ของ Maurice Merleau-Ponty ที่เชื่อว่าการรับรู้คือประสบการณ์ของร่างกายที่มีอยู่ร่วมกับโลก
อาจารย์ค้นพบว่าแม้เพียงโทนสีของชั้นรองพื้นก็สามารถส่งผลต่ออารมณ์โดยรวมของทั้งภาพ สีเหลืองช่วยให้ดอกไม้ดูสดใสขึ้น และทำให้ร่องรอยฝีแปรงชัดเจนขึ้น การวางสีจึงไม่ใช่เพียงเทคนิคทางศิลปะ แต่เป็น “ภาษาทางอารมณ์” ที่สงบ ลึก และจริงใจ สอดคล้องกับแนวคิด Interaction of Color ของ Josef Albers ที่เสนอว่าสีไม่มีความหมายแน่นอน แต่เกิดจากบริบทและความสัมพันธ์ของสีรอบข้าง
จากงานยุคแรกที่มีโครงสร้างชัดเจนและใช้สีทึบ ไปสู่งานที่เปิดรับสีสดด้วยความมั่นใจ งานของอาจารย์สะท้อนการเปลี่ยนผ่านจาก “การวาดเร็วเพื่อทิ้งฝีแปรง” มาสู่ “การวาดช้าเพื่ออยู่กับสิ่งที่กำลังปรากฏ” ดอกไม้ในภาพจึงไม่ใช่แค่สิ่งมีชีวิต หากเป็นภาวะแห่งความสงบ ความอิ่มเอม และการเปิดใจรับรู้โลกอย่างอ่อนโยน
นิทรรศการนี้ไม่มุ่งหวังให้ผู้ชม “เข้าใจ” หากเชื้อเชิญให้หยุดอยู่กับ “สี” กับ “ความรู้สึก” และกับ “ตัวเอง” ผ่านจังหวะของสายตาและหัวใจ


