HUSH A BYE
- EXHIBITION DATE : MAY 17 - JUN 30, 2024
TAGS
No tags found.
“Hush-A-Bye. Childhood is but a dream” นิทรรศการนี้นำเสนอวัยเด็กในมุมที่แตกต่างออกไป ไม่ใช่โลกแห่งความไร้เดียงสา แต่คือความฝันที่บอบบาง เต็มไปด้วยรอยแผลที่มองไม่เห็น ผ่าน “นิทานในห้าตอน” Oscar Villegas-Paez ค่อย ๆ คลี่คลายภาพจำแสนโรแมนติกของวัยเยาว์ เผยให้เห็นความเปราะบาง ความซับซ้อน และความเจ็บปวดที่ไม่เคยถูกเอ่ยถึง ไม่ใช่บทเพลงแห่งความคิดถึง แต่เป็นบทไว้อาลัยอันแผ่วเบาต่อความปวดร้าวที่หลายคนแบกมาตั้งแต่วัยเยาว์
แทนที่จะมองออกไปภายนอก ศิลปินกลับเลือกที่จะเงี่ยหูฟังเสียงภายใน—เสียงของเด็ก ๆ ที่ไม่เพียงได้ยินในกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นที่ที่ผลงานชุดนี้ถือกำเนิดขึ้น แต่ยังได้ยินในนิวยอร์ก ปารีส เอเธนส์ และดับลิน แม้สถานที่จะเปลี่ยนไป แต่จังหวะยังคงเดิม ความเจ็บปวดมีจังหวะร่วมกัน เป็นจังหวะแรกที่เราได้ยิน—การเต้นของหัวใจแม่ในครรภ์ และดำเนินต่อมาในเสียงร้องของเด็ก ที่ไม่เพียงเรียกร้องความอบอุ่น แต่รวมถึงความยุติธรรม ความสัมพันธ์ และการได้รับการมองเห็น
แต่ละบทของ Hush-A-Bye เปิดขึ้นราวกับฉากหนึ่งในโศกนาฏกรรม ทว่าท่ามกลางความโศกเศร้านั้นกลับมีความงาม และในภาพถ่ายแต่ละภาพ มีความอ่อนโยนแฝงอยู่ ความนิ่งในภาพพูดได้ดังกว่าคำพูด ความเงียบไม่ใช่ความว่างเปล่า—หากเต็มไปด้วยความรู้สึก
ตลอดทั้งนิทรรศการ ศิลปินย้อนกลับไปยัง “ร่างกาย”—ทั้งร่างกายของเด็ก แม่ และโลกใบนี้ เขาเชื่อมโยงพวกมันเข้าด้วยกันอย่างละมุนแต่หนักแน่น: การเต้นของหัวใจแม่กับจังหวะของโลก เสียงร้องของทารกแรกเกิดกับการค่อย ๆ เลือนหายของโลกที่บาดเจ็บ ในจักรวาลแบบนี้ ความเจ็บปวดคือสิ่งที่เราแบกร่วมกัน ความไม่เป็นธรรมดังก้อง และเสียงเดินทางได้ไกล
สิ่งที่ทำให้ Hush-A-Bye กินใจไม่ใช่เพราะมันเล่าความเจ็บปวด หากแต่เป็นเพราะมันเปิดพื้นที่ให้ความเจ็บปวดนั้นได้ดำรงอยู่อย่างมีศักดิ์ศรี โดยไม่ชี้นำ ไม่ดราม่า และไม่ปลอบประโลมอย่างง่ายดาย แต่มันชวนให้เรารับฟังและเฝ้ามองอย่างไม่หลีกหนี
ท้ายที่สุด Hush-A-Bye ไม่ใช่บทกล่อมเด็กที่กล่อมให้เราหลับ แต่คือบทเพลงที่ปลุกให้เราตื่นขึ้น—บทเพลงสำหรับเสียงที่ไม่เคยมีใครได้ยิน คำอธิษฐานสำหรับผู้ที่ยังคงแบกความเจ็บปวดในวัยเยาว์ภายใต้ผิวของผู้ใหญ่ เตือนเราว่าเบื้องหลังความเงียบใด ๆ ยังมีเสียงหัวใจที่กำลังรอให้เราได้ยิน และบางที นั่นอาจเพียงพอแล้ว—แค่ “ฟัง” และ “ตอบรับ”
“Hush-A-Bye. Childhood is but a dream” นิทรรศการนี้นำเสนอวัยเด็กในมุมที่แตกต่างออกไป ไม่ใช่โลกแห่งความไร้เดียงสา แต่คือความฝันที่บอบบาง เต็มไปด้วยรอยแผลที่มองไม่เห็น ผ่าน “นิทานในห้าตอน” Oscar Villegas-Paez ค่อย ๆ คลี่คลายภาพจำแสนโรแมนติกของวัยเยาว์ เผยให้เห็นความเปราะบาง ความซับซ้อน และความเจ็บปวดที่ไม่เคยถูกเอ่ยถึง ไม่ใช่บทเพลงแห่งความคิดถึง แต่เป็นบทไว้อาลัยอันแผ่วเบาต่อความปวดร้าวที่หลายคนแบกมาตั้งแต่วัยเยาว์
แทนที่จะมองออกไปภายนอก ศิลปินกลับเลือกที่จะเงี่ยหูฟังเสียงภายใน—เสียงของเด็ก ๆ ที่ไม่เพียงได้ยินในกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นที่ที่ผลงานชุดนี้ถือกำเนิดขึ้น แต่ยังได้ยินในนิวยอร์ก ปารีส เอเธนส์ และดับลิน แม้สถานที่จะเปลี่ยนไป แต่จังหวะยังคงเดิม ความเจ็บปวดมีจังหวะร่วมกัน เป็นจังหวะแรกที่เราได้ยิน—การเต้นของหัวใจแม่ในครรภ์ และดำเนินต่อมาในเสียงร้องของเด็ก ที่ไม่เพียงเรียกร้องความอบอุ่น แต่รวมถึงความยุติธรรม ความสัมพันธ์ และการได้รับการมองเห็น
แต่ละบทของ Hush-A-Bye เปิดขึ้นราวกับฉากหนึ่งในโศกนาฏกรรม ทว่าท่ามกลางความโศกเศร้านั้นกลับมีความงาม และในภาพถ่ายแต่ละภาพ มีความอ่อนโยนแฝงอยู่ ความนิ่งในภาพพูดได้ดังกว่าคำพูด ความเงียบไม่ใช่ความว่างเปล่า—หากเต็มไปด้วยความรู้สึก
ตลอดทั้งนิทรรศการ ศิลปินย้อนกลับไปยัง “ร่างกาย”—ทั้งร่างกายของเด็ก แม่ และโลกใบนี้ เขาเชื่อมโยงพวกมันเข้าด้วยกันอย่างละมุนแต่หนักแน่น: การเต้นของหัวใจแม่กับจังหวะของโลก เสียงร้องของทารกแรกเกิดกับการค่อย ๆ เลือนหายของโลกที่บาดเจ็บ ในจักรวาลแบบนี้ ความเจ็บปวดคือสิ่งที่เราแบกร่วมกัน ความไม่เป็นธรรมดังก้อง และเสียงเดินทางได้ไกล
สิ่งที่ทำให้ Hush-A-Bye กินใจไม่ใช่เพราะมันเล่าความเจ็บปวด หากแต่เป็นเพราะมันเปิดพื้นที่ให้ความเจ็บปวดนั้นได้ดำรงอยู่อย่างมีศักดิ์ศรี โดยไม่ชี้นำ ไม่ดราม่า และไม่ปลอบประโลมอย่างง่ายดาย แต่มันชวนให้เรารับฟังและเฝ้ามองอย่างไม่หลีกหนี
ท้ายที่สุด Hush-A-Bye ไม่ใช่บทกล่อมเด็กที่กล่อมให้เราหลับ แต่คือบทเพลงที่ปลุกให้เราตื่นขึ้น—บทเพลงสำหรับเสียงที่ไม่เคยมีใครได้ยิน คำอธิษฐานสำหรับผู้ที่ยังคงแบกความเจ็บปวดในวัยเยาว์ภายใต้ผิวของผู้ใหญ่ เตือนเราว่าเบื้องหลังความเงียบใด ๆ ยังมีเสียงหัวใจที่กำลังรอให้เราได้ยิน และบางที นั่นอาจเพียงพอแล้ว—แค่ “ฟัง” และ “ตอบรับ”


