นิทรรศการถาวร

ศิลปะยืนยาว ชีวิตสั้น

พิพิธภัณฑ์ศิลปะไทยร่วมสมัย หรือ MOCA BANGKOK เป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะเอกชนขนาด 20,000 ตารางเมตร ตั้งอยู่ใกล้สนามบินดอนเมือง มีชื่อเสียงในด้านสถาปัตยกรรมที่โดดเด่น และคอลเลกชันผลงานกว่าพันชิ้นจากทั้งศิลปินไทยและนานาชาติ พิพิธภัณฑ์แห่งนี้มอบมุมมองเฉพาะตัวเกี่ยวกับวัฒนธรรมและอัตลักษณ์ไทย ผ่านคอลเลกชันส่วนตัวของคุณบุญชัย เบญจรงคกุล ผลงานศิลปะที่จัดแสดงสะท้อนถึงวิวัฒนาการของศิลปะไทยร่วมสมัย พร้อมเน้นย้ำถึงอิทธิพลของศิลปะและเทคนิคแบบตะวันตก MOCA BANGKOK จึงเป็นเครื่องแสดงพลังความคิดสร้างสรรค์ ความเชื่อ และการแสดงออกทางศิลปะของคนไทย

ตัวอาคาร MOCA BANGKOK เปรียบได้กับงานศิลปะชิ้นเยี่ยม สร้างขึ้นเพื่อตอบโจทย์ทั้งในด้านประโยชน์ใช้สอย และประสบการณ์ในการเข้าชม ด้วยพื้นที่ที่สะดวกต่อการเข้าถึง บรรยากาศที่เหมาะสม และสิ่งอำนวยความสะดวกที่ส่งเสริมให้ผู้ชมเพลิดเพลินกับงานศิลปะได้อย่างเต็มที่ พิพิธภัณฑ์แห่งนี้จึงตอบโจทย์ทั้งในด้านการใช้งาน และความงดงาม พร้อมสร้างความประทับใจด้วยความทันสมัยและความสง่างามอย่างมีเอกลักษณ์

การออกแบบของ MOCA BANGKOK เอื้ออำนวยให้ผู้ใช้รถเข็นสามารถเข้าถึงได้ บรรยากาศโดยรวมแตกต่างอย่างสิ้นเชิงจากความวุ่นวายภายนอก เหมาะต่อการจดจ่อกับผลงานศิลปะอย่างสงบ ปราศจากสิ่งรบกวนจากภายนอก

พิพิธภัณฑ์แห่งนี้สามารถเป็นแรงบันดาลใจให้แก่นักศึกษาศิลปะ อาจารย์ ศิลปินรุ่นใหม่ ผู้เชี่ยวชาญ นักท่องเที่ยว ตลอดจนผู้ที่เพิ่งเริ่มต้นเรียนรู้และชื่นชมในงานศิลปะไทย

  • ชั้น G
  • ชั้น 2
  • ชั้น 3
  • ชั้น 4
  • ชั้น 5

 

เมื่อก้าวเข้าสู่พิพิธภัณฑ์ ท่านจะได้พบกับ “ปิติสุข” ผลงานประติมากรรมอันงดงามที่ยืนหยัดท้ากาลเวลา ฝีมือการสร้างสรรค์โดย ศิลปินนนทิวรรธน์ จันทนะผะลิน ศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ (ประติมากรรม) ประจำปี พ.ศ. 2549 ในยามกลางวัน โดยเฉพาะช่วงเที่ยง แสงธรรมชาติจะส่องผ่านเพดานลงมาอย่างงดงาม ลวดลายก้านมะลิอันประณีตจะปรากฏทอดเงาบนพื้น และในแต่ละวันความเข้มและมุมของแสงจะสร้างบรรยากาศที่แตกต่างกันอย่างมีเสน่ห์และอ่อนช้อย

บริเวณใจกลางโถงท่านจะได้พบกับประติมากรรมของศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี หรือ Corrado Feroci ประติมากรชาวอิตาเลียน ผู้ได้รับการยกย่องให้เป็น “บิดาแห่งศิลปะสมัยใหม่ของไทย” และเป็นบุคคลสำคัญที่มีบทบาทอย่างยิ่งต่อการพัฒนาวงการศิลปะสมัยใหม่ของไทย

 

 

 

ชั้น 2 ของ MOCA BANGKOK ท่านจะได้ดื่มด่ำกับเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ของ “สุวรรณภูมิ” เปิดมุมมองสู่รากเหง้าของประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่มีอายุย้อนกลับไปกว่า 1,000 ปีก่อนคริสต์ศักราช ภายในจัดแสดงโขน หน้ากากอันวิจิตร หนังตะลุงจากหลายประเทศในภูมิภาค ผลงานศิลปะที่เกี่ยวเนื่องกับมหากาพย์รามายณะและมหาภารตะ รวมถึงสมบัติล้ำค่าอีกมากมายที่ถ่ายทอดความรุ่งเรืองทางศิลปวัฒนธรรมของดินแดนแห่งนี้

 

 

ชั้น 3 ท่านจะได้พบกับผลงานศิลปะที่ถ่ายทอดจินตนาการและโลกแห่งแฟนตาซี “Bloom Room” คือแกลเลอรีที่ออกแบบมาเพื่อส่งต่อพลังบวก ผ่านงานศิลป์ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากความงามของธรรมชาติ ภายในห้องถูกแต่งแต้มด้วยสีน้ำเงินเข้มอันสงบเยือกเย็น ช่วยเสริมบรรยากาศให้การชมศิลปะน่าประทับใจยิ่งขึ้น

ในพื้นที่นี้จัดแสดงผลงานจำนวนมากของ สมพง อดุลยสารพัน ศิลปินผู้ถ่ายทอดความงามของธรรมชาติผ่านมุมมองแบบเซอร์เรียลลิสม์ และยังได้พบกับผลงานของ ประทีป คชบัว ศิลปินเซอร์เรียลลิสม์ชั้นแนวหน้าของไทย ผู้มีลายเส้นและสไตล์เป็นเอกลักษณ์

 

 

ชั้น 4 ผลงานของ อ.ถวัลย์ ดัชนี ศิลปินแห่งชาติผู้มีชื่อเสียงระดับนานาชาติ และยังมีห้องจัดแสดงพิเศษเพื่อสดุดีผลงานของศิลปินแห่งชาติไทยหลายท่าน เปิดโอกาสให้ผู้เยี่ยมชมได้สัมผัสถึงความงดงามและคุณค่าของมรดกทางศิลปะไทย

อีกหนึ่งไฮไลต์สำคัญบนชั้นนี้คือผลงานชุด “ไตรภูมิ” เริ่มต้นการชมผ่าน "สะพานข้ามจักรวาล" ซึ่งจำลองการเดินทางของจิตวิญญาณข้ามจักรวาลสู่การเกิดใหม่ในห้องไตรภูมิ อันเปรียบเสมือนยมโลก สถานที่ตัดสินบุญบาปของสัตว์นรกและผู้ที่ละจากโลกมนุษย์ ก่อนส่งไปยังภพภูมิต่าง ๆ ภายในห้องประดับด้วยจิตรกรรมขนาดใหญ่ 3 ภาพ ถ่ายทอดมุมมองเชิงจิตวิญญาณและโลกทางวัตถุผ่านศิลปะแบบเซอร์เรียลลิสม์และสัญลักษณ์ได้อย่างทรงพลังแทนสวรรค์ โลกมนุษย์ และนรก ผลงานโดย สมภพ บุตราช, ปัญญา วิจินธนสาร และประทีป คชบัว ซึ่งสะท้อนมุมมองต่อการเปลี่ยนแปลงของโลก

 

ระหว่างทางจากชั้น 4 สู่ชั้น 5 เวลาเหมือนค่อย ๆ ช้าลง เสียงอึกทึกของเมืองภายนอกค่อยเลือนหายไปหลังผนังคอนกรีตหนา เหลือเพียงเสียงฝีเท้าแผ่วเบาและกระซิบอันแสนไกลจากงานศิลป์ แสงจากด้านบนค่อย ๆ รินลงมา ทอดเงายาวที่เคลื่อนไหวราวกับกำลังเต้นรำไปกับทุกก้าวเดิน ไม่ใช่แค่ทางกายภาพ แต่ยังรวมถึงทางอารมณ์ เป็นช่วงเวลาที่ผู้ชมได้หยุดนิ่งอยู่ในช่องว่างอันเงียบสงบ ในช่วงระหว่างชั้น ผู้ชมเหมือนแขวนลอยอยู่ไม่เพียงทางกาย แต่ยังในห้วงอารมณ์ ระหว่างความเข้าใจกับการค้นพบสิ่งใหม่

ชั้น 5 จัดแสดงผลงานศิลปะและภาพถ่ายจากศิลปินนานาชาติ ไฮไลต์สำคัญคือคอลเลกชันภาพเขียนยุคโรแมนติกในสมัยสมเด็จพระราชินีวิกตอเรีย ที่เปิดโอกาสให้ได้สัมผัสศิลปะตะวันตกเมื่อกว่า 200 ปีก่อน ผลงานเหล่านี้จัดแสดงในห้อง “Richard Green” ซึ่งตั้งชื่อตามแกลเลอรีชื่อดังในลอนดอนที่เป็นแหล่งที่มาของคอลเลกชันนี้